Back |
อยากรู้ดูทางนี้ - การขับขี่ปลอดภัย - แนะนำการสอบใบขับขี่ - บริษัทที่เกี่ยวข้อง - แนะนำการซื้อรถมือสอง - ปัญหานี้มีทางแก้ - การดูแลรถ |
Computer Bussiness
2005 Rajamangala
University of Technology Chanthaburi . All rights Reserved
Welcome all
comments, please click here to contact me
JSMoter.com
การขับขี่รถจักรยานยนต์อย่างปลอดภัย
รถจักรยนต์นะครับเป็นเพื่อนคู่ใจคุณได้เสมอในสภาพจราจรเร่งด่วน ดังนั้นก่อนจะขับขี่ ทุกครั้งควรตรวจสภาพรถก่อนทุกครั้งว่ามีส่วนไหนชำรุดหรือไม่ เพราะรถไม่สามารถบอกคุณได้ หรอกครับ (ถามอย่างไรก็ไม่ตอบ) คุณควรจะตอบได้ทุกครั้งว่ารถของคุณพร้อมหรือยังที่จะออก ไปเผชิญสภาพจราจรติดขัดอย่างทุกวันนี้ ดังนั้นควรตรวจสอบสภาพรถจักรยานยนต ์และ สภาพความพร้อมของตัวคุณก่อนทุกครั้งนะครับ โดยมีวิธีง่ายๆดังนี้
- ตรวจดูน้ำมันเครื่องว่าอยู่ในระดับกำหนดหรือไม่ และสะอาดหรือไม่เพื่อลดมลพิษไงละครับ
- เช็คลมยางทุกครั้งให้อยู่ในสภาพปกติไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป
- ตรวจสอบโซ่รถของคุณให้ตึงพอประมาณและควรหยอดน้ำมันที่โซ่ด้วยนะครับ เพื่อโซ่ของคุณจะได้อยู่กับคุณไปอีกนาน
- ตรวจดูเครื่องยนต์ว่ามีรอยรั่วหรือไม่ และมีน้ำมันหล่อลื่นเพียงพอไหม
- เบรคนี้สำคัญไฉน ถ้าเบรครถของคุณไม่ดี ทั้งรถของคุณและตัวคุณอาจต้องเรียกหาหมอ
- ตรวจไฟทุกดวงของรถคุณก่อนขับทุกครั้ง เพราะไฟสัญญาณจะให้การขับขี่ของคุณปลอดภัยยิ่งขึ้น
- ตรวจแบตเตอรี่มีน้ำมันกลั่นอยู่หรือไม่ ปรับกระจกมองหลังให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
- ตรวจดูที่วางเท้าให้อยู่ในสภาพสะดวกแก่การขับขี่ เช่นไม่ทำให้สะดุดแก่การใช้เบรค หรือเปลี่ยนเกียร์
- สิ่งสุดท้ายที่สำคัญคือควรแต่งกายเพื่อสะดวกแก่การเคลื่อนไหวและสวมหมวกกันน็อคทุกครั้งมิฉะนั้นคุณอาจเสียเงินแบบไม่รู้ตัวและเพื่อป้องกันการบาดเจ็บที่ศรีษะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
- ขั้นสุดท้ายให้ลองขับขี่ดูการทรงตัวว่าสมบูรณ์ดีเพียงใด ต้องไม่เป๋ไปเป๋มา ซึ่งแสดงว่าเคยชนมาจนเสียศูนย์ ถ้าซื้อมาใช้รายต่อไปอาจเป็นคุณ!
ทำอย่างไรเมื่อเกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่รถจักรยานยนต์
- ถ้าขับขี่บนถนนมีน้ำขัง ในกรณีที่รถจักรยานยนต์ของท่านต้องลุยบนถนนที่น้ำขังอาการเครื่องยนต์ดับหรือพลิกล้มอาจเกิดขึ้นได้วิธีที่ถูกเมื่อเจอสภาพน้ำขังควรขับด้วยเกียร์ต่ำเร่งเครื่องให้อยู่ในระดับใดระดับหนึ่งตลอดเวลาและใช้เบรคเป็นระยะถ้าเครื่องดับต้องจูงรถให้พ้นน้ำและ
ถอดหัวเทียนออกมาเช็ดทำความสะอาดให้แห้งรวมทั้งตรวจสอบระบบไฟจุดระเบิดให้ปราศจากความชื้นด้วย หลังจากนั้นประกอบเข้าที่แล้วสตาร์ทเครื่องใช้งานต่อไป
- ถ้าเบรคไม่ทำงาน กรณีเบรคไม่ทำงานขณะขับขี่ ขั้นแรกควรตั้งสติให้ดีเสียก่อน แล้วค่อยๆลดเกียร์ต่ำสุดเพื่อให้เครื่องยนต์ช่วยเบรค เมื่อสามารถหยุดได้แล้วควรเร่งแก้ไขข้อผิดพลาด และขณะที่เกิดเหตุควรบีบแตรไว้ตลอดเวลา เพื่อเตือนให้รถคันอื่นทราบว่าท่านกำลังประสบปัญหา
- ถ้าคันเร่งค้าง กรณีที่คันเร่งรถจักรยานยนต์ของท่านเกิดค้างขณะขับขี่ให้ปิดกุญแจสวิทซ์หรือดึงสายไฟเพื่อตัดระบบจุดระเบิดเครื่องยบนต์แล้วจึงนำมาไว้ในที่ ปลอดภัย เพื่อทำการแก้ไขซึ่งสาเหตุนั้นอาจมาจากระบบคันเร่งขาดการบำรุงรักษา สายคันเร่งขาด หรือบิดงอ
- ถ้ารถล้ม เมื่อรถจักรยานยนต์ล้มหรือคว่ำโอกาศที่จะเกิดไฟลุกไหม้เป็นไปได้ง่ายมากให้รีบปิดสวิทซ์หรือตัดสายไฟที่จะทำให้เกิดประกายไฟทันทีแล้วเข็นไปสู่ในที่ปลอดภัยและสำรวจร่างกายและบาดแผลของตัวเองตัวเองต่อจากนั้นค่อยดูความเสียหายที่เกิดกับรถว่าสามารถเดินทางต่อไปได้หรือไม่โดยต้องเช็คความเรียบร้อยของรถได้แก่แฮนด์คันเร่งกระจกมองหลังคันบีบเบรคคันบีบคลัทซ์และอื่นๆและสิ่งสำคัญต้องตรวจดูว่ามีการรั่วไหลของน้ำมันหรือไม่มิฉะนั้นอาจเกิดระเบิดติดไฟอีกครั้งก็ได้
- ถ้าเครื่องร้อนเกินไป เมื่อเครื่องยต์เกิดความร้อนสูง ลูกสูบอาจเกิดอาการฝืด และเกิดเสียงเหมือนใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรค(ขณะแล่นอยู่โดยไม่เร่งเครื่อง)เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ควรเข้าเกียร์ว่างทันทีเพื่อป้องกันปัญหาเครื่องหยุดทำงานและแตะเบรคเบาๆถ้ารถของท่านระบายความร้อนด้วยน้ำอย่ารีบร้อนเปิดฝาหม้อน้ำเพราะอาจถูกน้ำร้อนลวกได้ควรรอให้เครื่องยนต์เย็นพอสมควรจึงค่อยตรวจดูน้ำมันเครื่องและน้ำหล่อเย็น
- ถ้าเกิดยางระเบิด ถ้าขณะขับขี่แล้วเกิดยางระเบิดรถจะเสีทิศทางและเสียการทรงตัวเหมือนปลากระดิกหาง เมื่อเกิดอาการแบบนี้ ท่านควรตั้งสติควบคุมรถให้ดี ใช้เข่าทั้งสองข้างบีบถังน้ำมัน ปล่อยให้รถช้าลงด้วยตัวของมันเองแล้วจึงใช้ห้ามล้อ และนำรถเข้าจอดในที่ปลอดภัย ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ที่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าท่านประมาท จะมีผลต่อท่านมากหรือน้อย พูดง่ายๆว่า จะ เอาแบบ เจ็บ อัมภาพ หรือตาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวท่านและสติของท่าน ดังนั้นการเตรียมตัว และ ระลึกการขับขี่ที่ปลอดภัยท่านควรตระหนักไว้เสมอ
ขับขี่อย่างไรเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน
- อย่าปล่อยให้ตัวท่านเป็นผู้ก่ออุบัติเหตุ การเบรคกะทันหันแบบตามใจท่านอาจเกิดอุบัติเหตุได้เสมอถ้าผู้ขับรถคันอื่นไม่สามารถสนองตอบได้ทันหรือหลบรถท่านไปผลที่เกิดตามมาก็คืออุบัติเหตุดังนั้นควรขับอย่างมีสติเสมอนะครับ
- เปิดตาและมีสติเสมอ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยสำหรับตัวท่านและผู้ใช้รถใช้ถนนร่วมกับท่าน อย่างกรณีขับกลางคืน ท่านอาจควรขับอยู่เลนขวาหรือชิดขวา และควรสวมเสื้อผ้าสีสว่าง และเปิดไฟหน้ารถในยามค่ำ คืน
- เปิดใจ มนุษย์ทุกคนย่อมกระทำความผิด ดังนั้นเมื่อพบเห็นผู้กระทำความผิดต้องทำใจให้ได้ว่า"ทุกคนต้องย่อมทำผิดได้เสมอ" ไม่ควรมีการแสดงอาการหรือโต้ตอบ "ขันติ" เป็นทางออกที่ดีเสมอเพื่อให้เรื่องหนักให้กลายเป็นเบา
- ให้สัญญาณก่อนแต่เนินๆ การให้สัญญาณเพื่อบอกความประสงค์ของท่านว่าจะเลี้ยวหรือหยุดควรบอกแต่เนินๆ และอย่างถูกต้อง เพื่อลดอุบัติเหตุที่อาจคาดไม่ถึง
- รักษาระยะปลอดภัยรอบรถของท่านไว้ให้ได้ ในกรณีที่พบว่าช่องทางที่ท่านจะขับรถแคบเกินไปควรขับชิดไปทางใดทางหนึ่งหรือเปลี่ยนใช้เส้นทางอื่นหรือให้สัญญาณรถที่แล่นตามมาด้านหลังให้แซงขึ้นหน้าดังนั้นท่านต้องเพิ่มความห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเผื่อไว้หลบหลีกเมื่อผู้อื่นผู้ใดกระทำผิด
- อย่าอวดเก่ง เมื่อท่านขับรถได้ควรพึงระลึกเสมอ อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งสาเหตุอาจไม่เกิดจากท่านแต่อาจเป็นผู้ขับขี่คนอื่น ดังนั้งทางออกที่ดีที่สุดคือพยายามขับรถให้ปลอดภัยที่สุดเต็มความสามารถตลอดเวลา